kookkla

Kookkla... สวัสดีครับ… และยินดีผู้ที่ได้หลงทางเข้ามาในบล็อกแห่งนี้
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อกล้านะครับ ชื่อเต็มๆว่า …กุ๊กกล้า… แต่เพื่อนๆเรียกผมว่า …บักกล้า…
วัตถุประสงค์ของการสร้างบล็อกนี้สร้างเพื่อ… เป็นการบันทึกกิจกรรมแต่ล่ะวัน เรื่องเล่า เรื่องขำขัน ระบายความรู้สึกต่างๆ

วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วันเกิดแม่ผม...


วันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา...
มันเป็นวันธรรมดา 1 วันของคนทั่วๆไป

แต่สำหรับผม มันคือวันเกิดของผู้มีพระคุณที่สุดในชีวิต
นั่นคือ วันเกิดของแม่ผม

ผ่านมาอีก 1 ปี แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือ
แม่ผมแก่ขึ้นอีกปี และที่สำคัญปีนี้ ครบรอบ 60 ปี
คนจีนเรียกว่า แซยิด

แซยิด คือวันครบรอบ 60 ปีบริบูรณ์พิธี แซยิด ถือเป็นพิธีกรรมผ่านช่วงอายุ ที่สำคัญพิธีหนึ่ง ชาวจีนถือว่า เมื่อบุคคลมีอายุครบ ๖๐ ปี แสดงว่าบุคคลนั้นได้บรรลุความเป็นคนอย่างสมบูรณ์ เพราะได้ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ มาครบ  มีประสบการณ์เกือบทุกด้าน ชาวจีนจึงให้ความสำคัญกับพิธีนี้ โดยถือว่าบุคคลที่อายุครบ ๖๐ ปี หรือ ๕ รอบอายุ ได้บรรลุความเป็นผู้อาวุโสทั้งในระดับครอบครัวและชุมชน พิธี แซยิด จึงเป็นทั้งกิจกรรมในระดับครอบครัวและชุมชนเพราะนอกจากจะมีสมาชิกในครัวเรือนมาร่วมด้วยแล้ว คนในชุมชนจะมาร่วมพิธีฉลองเพื่อรับรู้ความเป็นผู้อาวุโสอีกด้วย


แต่ปีนี้เราไม่ได้กลับบ้านไปหาแม่เลย เนื่องจากติดธุระที่บริษัท
แต่ของขวัญเราได้เตรียมไว้แล้ว
ได้แต่ตอนเย็นไปนั่งสมาธิที่วัด ทำบุญให้คุณแม่...
แล้วก็โทรไปบอกแม่ว่า แม่ผมรักแม่มากน๊าาาา...

พอกลับมาถึงห้อง ก็นั่งคิดทบทวน ว่า 1 ปีที่ผ่านมา
เราได้ทำอะไรเพื่อท่านบ้าง ทำดีที่สุดหรือยัง
แล้วน้ำตามันก็ไหล รู้สึกว่า

เรา นายกุ๊กกล้า... ยังทำอะไรได้ไม่ดีที่สุด
ยังทำเพื่อแม่ไม่ได้ในหลายๆเรื่อง

แต่แม่ครับ ถึงแม่จะไม่ได้อ่านที่ผมเขียนไว้ที่นี้
ผมสัญญานะ ว่าผมจะทำให้ดีที่สุด

รักแม่มากนะครับ รักพ่อมากเหมือนกัน
ไม่มีรักใดๆที่ให้ผมได้ เท่าที่แม่กับพ่อให้ผมแล้ว

==================================


ดวงใจแม่ รักลูก เท่าชีวิต
คอยประสิทธิ์ ประสาท วิชาให้
คำสั่งสอน ล้วนออก มาจากใจ
เพื่อมอบให้ ลูกทุกคน ส่องนำทาง

หยดหนึ่งน้ำ นมแม่ ลูกซาบซึ้ง
ลูกคำนึง ถึงความหลัง ยังสุขสม
แม่รักลูก คอยเลี้ยงดู อย่างชื่นชม
เป็นดั่งพรหม สร้างโลก ให้ลูกเดิน

ดอกมะลิ จากใจ มอบให้แม่
แทนซึ่งคำ รักแท้ ที่ยิ่งใหญ่
ลูกสัญญา จะทำดี ตลอดไป
เป็นดั่งใจ แม่เมตตา ค่าน้ำนม

แม้ลูกนี้ จะสำเร็จงาน ตามประสงค์
แม่ก็ยัง คอยเป็นห่วง เทียวไถ่ถาม
กลัวแต่ลูก เหน็จเหนื่อย อยู่ทุกยาม
เฝ้าติดตาม ห่วงใยลูก ตลอดเวลา..........

แม่จ๋า ลูกรักแม่ที่สุดในโลกจ้า




วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

จิตใต้สำนึก ( ภาค2 )

สวัสดีครับไม่ได้หายไปไหน
วันอาทิตย์ก็ตามที่บอกว่าต้องไปอบรมจิตใต้สำนึกต่อ
(วันที่อาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2556)
แต่ไม่ได้กลับมาเล่าให้ฟังเพราะหลับ... หลับจริงๆเหนื่อยมาก


วันนี้ก็เหมือนเคยไปช้า ถึงก็ 9.33 น. แล้ว...

อาจารย์กำลังพูดถึงเรื่องพุทธจิตวิทยา...
จิตวิทยาในแนวพุทธศาสนา
คือคำตอบสำหรับการแก้ปัญหาความทุกข์

จิตวิทยา.. ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ภาษากายและจิตใต้สำนึก ( Body & Mine )

พุทธจิตวิทยา...ประกอบด้วย 5 ส่วน คือ ขันทั้ง 5 ( รูป เวทนา สัญญา สังขาล วิญญาณ )
     1. รูป คือร่างกาย
     2. เวทนา คือความรู้สึก
     3. สัญญา คือความทรงจำ
     4. สังขาล คือการปรุงแต่ง ความคิด จิตสำนึก
     5. วิญญาณ คือจิตไร้สำนึก หรือจิตใต้สำนึก
         (อาจารย์บอกว่า จิตไร้สำนึก และจิตใต้สำนึก มีความต่างกัน แต่ไม่ได้ลงในรายละเอียด)

และกล่าวถึงจุด จักระทั้ง 7...

แล้วก็พานั่งสมาธิเพื่อลบปมในใจหรือสิ่งที่ค้างคาในใจ
ผมทำแล้วแต่ยังไม่เห็นอะไร
แต่เพื่อนๆในชั้นแต่ล่ะคนก็ได้ประสบการณ์มา

ตอนบ่ายอาจารย์ได้ให้แต่ล่ะคนมาเล่าเรื่องที่เป็นปมในตัวของตัวเองให้
เพื่อนร่วมชั้นฟัง ซึ่งแต่ล่ะเรื่องที่ผมได้ฟัง ทำให้ผมกลับมาคิดได้ว่า
ปัญหาที่เกิดกับเรามันช่างน้อยนิด...

เรื่องในชั้นเรียนมีทั้งเรื่องที่เล่าได้ และเล่าไม่ได้
ผมขอไม่เล่า ผมขอเก็บเป็นความรู้สึกๆดีแบบนี้ตลอดไปนะครับ
หวังว่าสักวันหนึ่งเราจะกลับมาพบกันอีกครั้ง

สิ่งที่ได้จากการอบรมครั้งนี้ คือข้อคิด และสติ
ได้ความคิดแง่บวก ทำให้เราลืมเรื่องที่เรารู้สึกไม่ดีในอดีตไปได้หลายเรื่อง
ได้รับรู้ความรู้สึกของคนอื่น
ได้รับรู้ความรู้สึกของความรักที่แม่มีต่อลูก
ได้รับรู้ความรู้สึกของลูกที่มีต่อแม่
และที่สำคัญที่สุด ได้รับรู้ความรู้สึกของตัวเอง...

ขอบคุณอาจารย์ และเพื่อนๆร่วมชั้นทุกคนที่ทำให้ผมได้รู้สึกดี
ขอบคุณนะครับ ที่ทำให้หัวใจของผมพองโตได้อีกครั้ง...

ชมภาพทั้งหมดได้ที่นี้...








วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

จิตใต้สำนึก ( ภาค1 )


โอ้ววว... ผ่านมาหลายวันไม่ได้เขียนบทความเลย
เนื่องจากว่าติดภาระกิจต้องไปไซต์งานลูกค้าทั้งอาทิตย์
ต้องตื่นแต่เช้า ต้องกลับห้องดึก เหนื่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
บ้างวันกลับมาถึงห้อง ก็ว่างกระเป๋าแล้วนอน  ไม่ได้อาบน้ำเลย... 55
ตื่นมาเหม็นตัวเองมากมาย...



วันนี้ผมได้มีโอกาสเข้าอบรมเกี่ยวกับจิตใต้สำนึก
กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์...
หลังจากที่ตัดสินใจอยู่นานว่าจะเข้าอบรมหรือเปล่า
เพราะลังเลใจว่าศาสตร์ด้านนี้มีจริงหรือไม่
จิตใต้สำนึก...จะสามารถเข้าถึงความรู้สึกที่ผมเก็บไว้ได้หรือเปล่า

เนื่องจากความรู้สึกนึกคิดของผม โดยส่วนตัวแล้ว
ผมเป็นคนที่เก็บกด เก็บความรู้สึก
จนในบ้างครั้งมักจะทำตัวไม่ดี แสดงพฤติกรรมไม่ดีออกมาได้

แต่น้อยคนนักที่จะรับรู้อารมณ์ส่วนนี้ของผมได้
อาจจะเพราะบุคลิกข้างนอกของผมเป็นคนที่ร่าเริง พูดคุยสนุกสนาน


เวลาเริ่มอบรม 9.00 น. ก่อนนอนวางแผนไว้ว่าต้องตื่นหกโมงครึ่ง
อาบน้ำ แปรงฟัน เดินทางไปท่าน้ำนนท์ เพื่อที่จะขึ้นเรือเจ้าพระยา
ไปลงที่ท่าสะพานพุทธ เพราะอบรมอยู่แถวนั้น
แต่ปรากฏว่าตื่นเจ็ดโมงครึ่ง โอ้ยๆๆ แย่ล่ะไปไม่ทันล่ะตรู
ได้แต่วิ่งผ่านน้ำ แต่งตัวแล้วกระโดดขึ้น taxi เพื่อไปท่าน้ำนนท์
ตามคาด สายชัวร์ๆๆๆๆ

ผลคือไปถึงสะพานพุทธ 9.05 น. แต่คุณพระช่วย
ทำไมตรูปวดท้องอย่างนี้ ปวดหนักซะด้วย มาถูกที่ถูกเวลาอีกแล้ว
สายก็สายแล้วนะ ดันมาปวดท้องอึอีก
ได้แต่วิ่งไปหาพี่ที่กวาดถนนอยู่เพื่อหาห้องน้ำ เกือบไม่ทัน
พอเสร็จธุระก็รีบวิ่งแจ่นไปที่โรงแรมที่ทำการอบรม
ไปถึงก็ 9.45 น. ได้
ได้แต่นึกในใจว่า... มาแล้วยังดีกว่ามาช้า มาช้ายังดีกว่าไม่มา...

ก่อนที่จะเข้าในห้องผมคิดในใจว่า ผู้ที่เข้าอบรมด้วยน่าจะมีแต่ผู้สูงอายุที่สนใจ
ผลปรากฏว่าเจอคนหลากหลายอายุมาก เด็ก ม.1 ก็มี  โอ้ววววววว
ไม่ใช่มีแต่เราที่สนใจแล้ว

แต่พอได้พูดคุยทำให้ตกใจกว่าเดิมอีก เพราะแต่ล่ะคนมาจากต่างจังหวัดกันทั้งนั้น
พี่อ้อย...มาจากสุราษณ์
พี่เพชร...มาจากนครสวรรณ์
มีคู่แม่ลูก...ที่มาจากต่างจังหวัด
มีพี่หมอดูด้วยนะ... พี่แกก็มาจากทางใต้เลย
ตอนนี้ได้แต่คิดในใจว่า ตรูอยู่แค่นี้กว่าจะมามาได้ คิดแล้วคิดอีก
ยังมีอีกหลายคนที่ผมยังไม่ได้พูดถึงนะครับ
(จริงๆจำชื่อไม่ได้ ที่อยู่ก็ลืม.... นิสัยขี้ลืมแย่จริงๆ)

วันนี้อาจารย์เน้นสอนเรื่อง
จิตวิทยา จิตสำนึก จิตใต้สำนึก และก็เรื่องของหลักของพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้อง
เน้นเลือกเปลี่ยนความคิดเหตุ
เน้นให้ทุกคนเล่าเรื่องที่ตัวเองเคยประทับใจ
เน้นให้ทุกคนเล่าเรื่องที่ตัวเองเคยฝั่งใจ
เน้นสอบถามหาเหตุผลที่เข้ามารับการอบรม
เน้นสอบถามความคาดหวังที่จะได้รับ
และที่สำคัญที่สุดเน้น ปมที่อยู่ในใจของตัวเอง...


พี่อ้อย แว้วแรกที่เหตุ คนนี้ดูสุขุมมาก มารู้ทีหลังว่าแกเป็นนักจิตวิทยา
แกมาเรื่อนเพื่อที่จะเอาศาสตร์จิตใต้สำนึกไปช่วยในการบำบัดคนไข้

พี่เพชร พี่คนนี้ผมที่อยู่ในใจเหมือนผมมาก มากจริงๆนะครับ
เพราะเรื่องที่แกเล่า เรื่องที่แกพูดความรู้สึกเหมือนผมเลย
โตมากับคุณย่า โตมาในครอบครัวที่เคร่งครั่ด และอีกหลายๆเรื่อง
ที่โดนปลูกฝั่งตั้งแต่เด็ก จนทำให้มันเป็นปมที่ปิดกันอะไรบ้างอย่าง
ให้กว้าเดินต่อไปไม่ได้

คู่แม่ลูก คู่นี้เห็นแว้ววววว แรกเป็นคู่แม่ลูกที่รักกันมาก
แต่พอนั่งไปสักพักก็เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากการที่แม่คาดหวัง
อยากให้ลูกเรียนได้ดีกว่านี้ ทำได้ดีกว่านี้ พี่แกจะจัดการบังคับลูกทุกเรื่อง
เรื่องเที่ยว เรื่องดูทีวี เรื่องการทำการบ้าน เรื่องอ่านหนังสือ เรื่องเรียนพิเศษ
(จริงๆแล้วเหมือนเราตอนเด็กเลยนะเนี่ย)
ส่วนตัวลูก อ้อลืมบอกน้องเขาเป็นคนที่มีสมาธิสั่นนะครับ
ตัวน้องเขาเป็นคนที่เรียบร้อยไม่ดื้อไม่ชน
แต่เหมือนสิ่งที่น้องทำมันเป็นการ Anti ในสิ่งที่แม่บังคับ
ทั้งที่ทำไปก็รักแม่นะ
ผมว่าคู่นี้เกิดจากความคาดหวังของแม่อยากให้ลูกขยัน
ส่วนตัวน้องเกิดจากการโหยหาความเข้าใจจากแม่  ว่าผมตั้งใจทำแล้วนะ แต่ได้เท่านี้

พี่หมอดู  พี่คนนี้มาเพราะลูกเช่นกัน ลูกแกมีอาการทางจิต
พออาจารย์ได้พูดคุย ทำให้รู้ว่าเกิดจากปัญหาครอบครัว
ทำให้เด็กเก็บกดจนเกิดเป็นอารมณ์ทางจิตขึ้นครับ
พี่คนนี้ส่วนตัวแกก็มีปมนะครับ
เพราะพี่แกอยู่ในเหตุการณ์รถแก๊สระเบิดที่ถนนเพชรบุรี แกอยู่บนตึกชั้นบนๆ
แกมองลงมาแล้วเหตุภาพที่เกิดขึ้น ทำให้แกฝั่งใจ
แกไม่สามารถหุงหาอาหารได้ เห็นถังแก๊สไม่ได้
ถ้าปิดถังแก๊ส แกจะบิดแน่นจนเปิดไม่ออก ได้กลิ่นแก๊สก็ไม่ได้
ผมว่าถ้าเกิดกับผม ผมก็คงทรมานเหมือนกัน

มีพี่อีกคน จำชื่อไม่ได้  พี่คนนี้เป็นคนที่โหยหาความรักจากแม่ครับ
แกคิดว่าแม่ไม่รัก ให้แต่เงินไม่ได้ให้ใจ และก็ติดยาเสพติดด้วยครับ
ยังเลิกไม่ได้ด้วย
ผมว่าสิ่งที่แม่แกทำให้แก ผมว่าแม่พี่เขารักเขามากนะครับ
แต่พี่เขาอัตตราสูงมาก คิดว่าแม่ไม่รักมีแต่เพื่อนที่รักตัวเอง จนเกิดปมในใจครับ

จากการที่ผมได้ฟังปัญหาต่างๆ (ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้เล่านะครับ)
ทำให้ผมรุ้ว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีแต่ผมที่มีปมที่อยู่ในใจ
ยังมีอีกหลายคนที่มี และยังเหมือนกับผมด้วย

วันนี้ผมกลับมาห้องด้วยหัวใจที่พอโตเท่าเดิม (แต่ก่อนแฟ้บอยู่)
เพราะเหมือนได้ไประบายความในใจ
ให้ใครที่เราไม่รู้จักได้ฟัง มันสบายใจ มันเบาตัว
ได้กำลังใจ ได้กัลยาณมิตร ได้ที่ที่ผมยืนได้บนโลกนี้

แล้วก็จบคลาสในวันนี้ เดินทางกลับบ้าน
เพื่อเตรียมตัวมาอบรมต่ออีกวันพรุ่งนี้

เพื่อนๆคนไหนมีปัญหาที่เก็บอยู่ในใจ ไม่สบายใจ
ลองมองหาใครสักคน แล้วเล่าให้เขาฟัง
เชื่อผมสิ... คุณจะรู้สึกดี คุณจะรู้สึกตัวเบา เหมือนผมวันนี้

กำลังใจ....


วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อาลัยรัก...ปู่แต้ม


เมื่อวันจันทร์ ( 18 กุมภาพันธุ์ 2556 )
ผมได้รับโทรศัพท์จากหม่อมแม่ผมช่วงบ่ายๆ
เสียงที่ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าๆ

แม่
... กล้าว่างมั๊ยลูก
กล้า
...ว่างครับคุยได้นิดหน่อย
แม่
...ปู่แต้มเสียแล้วนะลูก เสียได้สามวันแล้ว แม่เพิ่งรู้

ผมได้แต่อึ้งๆ เพราะว่าปู่แต้มเป็นคนที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง
อายุแก 90 แล้วนะ แต่ว่าไม่ได้ใช้ไม้เท้า ไม่ได้ใส่แว่น
เดินเหินปกติ แต่อาจจะมีช้าบ้าง ตามประสาคนแก่

ผมถามแม่ว่าปู่เป็นอะไร ไม่สบายทำไมเราไม่รู้ข่าวเลย
แม่บอกว่าแม่ยังไม่รู้ เดี๋ยวแม่ไปงานศพ แล้วจะเล่าให้ฟัง

ผมก็ครับ แต่เสียดายตรงที่จะไม่ได้ไปร่วมงานศพของปู่แต้มเลย
ถ้ารู้ตั้งแต่เสาร์อาทิตย์คงได้กลับไปแล้ว
แต่ว่าวันที่จะเผาปู่ ผมต้องเข้าไซค์ลูกค้า ไม่ได้ลางานไว้

ปู่ครับ ถึงปู่จะดุ แต่ปู่เป็นคนที่ดีมาก
หลานคนนี้ขอสัญญานะครับว่า

...หลานคนนี้ สัญญาจะเป็นคนดีของสังคม
และทำประโยชน์เพื่อสังคม เหมือนที่ปู่แต้มได้ทำมาตลอด
ปู่ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว ไปสู่สุขตินะครับ ไปอยู่ชั้นฟ้า สวรรค์ดาวดึงค์
ขอให้ปู่นอนหลับให้สบายนะครับ...

............................................................................


ลาแล้วหนา.......คนเคยใกล้ ให้โศกศัลย์

จากกันแล้ว.......คราวนี้ ไม่มีวัน

ไม่เจอหน้า ทุกชั่ววัน เพราะชีพวาย

ดั่งหัวใจ แตกสลาย เมื่อต้องจาก

ดั่งพลัดพราก จากดวงจิต มิตรสหาย

ไม่มีแล้ว ดั่งวันวาน ตลอดไป

ปวดดวงใจ ร้าวดวงจิต ตราบอาจิณ

วิงวอนให้ สรวงสวรรค์ บนชั้นฟ้า

เปิดรับอ้า วิญญาณให้ ได้วิถี

สุคติ สัมปริญภพ โอบกอดที

ชีวิตที่ มลายไป ให้เหลียวแล

คุณงาม ความดี ที่ฝากไว้

จะสถิตย์ ที่หัวใจ ไม่เลือนหาย

จากคราวนี้ จากไกล ทั้งร่างกาย

ยังอาวรณ์ ยังอาลัย ให้ไปดี

( หลับให้สบายนะครับปู่แต้ม... )

นานาจิตตัง...


สวัสดีครับ หลายวันเลยที่ไม่ได้เขียนบทความ
ซึ่งหลายวันนี้ก็ได้มีเรื่องราวต่างๆนาๆเข้ามามากมาย

วันที่ 14 กุมภาพันธ์



หลายๆคนเรียกว่าวัน แห่งความรัก
แต่สำหรับผมมันก็วันธรรมดาหนึ่งวัน
วันนี้ไม่ได้มีอะไรมากมาย วันนี้ไม่ได้ไปทำงาน
วันนี้ลางานเพราะติดธุระตอนบ่ายที่ต้องไปทำ
ทำงานเสร็จก็ไปกินส้มตำกับคนที่เรารัก...
แล้วก็โทรกลับหาแม่... แล้วก็หมดไปหนึ่งวัน
ไม่ได้มีอะไรมากมาย

ไม่ได้มีดอกไม้
ไม่ได้มีดอกกุหลาบ
ไม่ได้ของขวัญ
มีแต่ความรู้สึกดีที่มีมากมาย....

วันที่ 15 กุมภาพันธ์



วันนี้ก็วันศุกร์แห่งชาติ ที่หลายๆคนตั้งหน้าตั้งตารอมาทั้งสัปดาห์
แต่สำหรับผมมันคือวันที่ผมจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆในเสาร์อาทิตย์
เพราะจะได้ทำการอบรม
เรื่องการล้างพิษทางอารมณ์
เรื่องการขายของบน ebay

ไปถึงที่ทำงานในตอนเช้า หัวหน้าได้บอกว่า
.... เฮ้ย กล้าวันนี้กินเนื้อย่างกัน พี่เลี้ยงโปรเจค...
ผมก็เลยตอบว่าโอเค แต่ว่าเพิ่งไปปกินมาวันก่อนเอง โอ้ย กลับมาอ้วนแน่เรา 55
แต่พอตกเย็นเราก็ไปกินเหมือนเดิม อิอิ ของฟรีนิพลาดได้งัยจริงมั๊ย

ผมออกไปกินก่อนตอนสองทุ่ม แต่ว่าพี่ๆน้องๆมาตอนจะห้าทุ่ม
โอ้วววว เป็นการกินเนื้อย่างที่นานที่สุดในชีวิตผมเลย
ขอบคุณมากนะครับพี่แม็ก เนื้อย่างอร่อยมากมายครับ อิอิ

วันที่ 16 กุมภาพันธ์



วันนี้ตื่นแต่เช้าเลย เพื่อเข้ารับการอบรมล้างพิษทางอารมณ์
ไปถึงที่อบรมก่อนเวลา 5 นาที ไปถึงก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้า
วันนี้ได้ฝึกสมาธิวิธีการใหม่.. เรียกว่าสมาธิเหวี่ยง
ซึ่งผลจากการปฏิบัติไม่สามารถพูดได้
ได้ผลเกินคาดครับ แล้วผมจะกลับไปอีกนะครับ
ฝึกจนถึงเย็นเลย พอถึงเย็นก็รีบออกไปอบรม เรื่องการขายของบน ebay
พออบรมเสร็จก็หมดแรงกลับห้อง นอนๆๆๆๆ ไม่ได้อาบน้ำเลย... อิอิ


......................................................................................................
สิบสี่กุมภาวันวาเลนไทม์
ของขวัญจากใจฉันมอบให้เธอ
ลืมมัน แล้วหรือคนซื่อหน้าเซ่อ
คนที่ ตัวเธอบอกแสนเมตตา



วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

จุดเริ่มต้น...

สวัสดีครับ... และยินดีผู้ที่ได้หลงทางเข้ามาในบล็อกแห่งนี้

ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อกล้านะครับ
ชื่อเต็มๆว่า ...กุ๊กกล้า... แต่เพื่อนๆเรียกผมว่า ...บักกล้า...

วัตถุประสงค์ของการสร้างบล็อกนี้สร้างเพื่อ...
เป็นการบันทึกกิจกรรมแต่ล่ะวัน เรื่องเล่า เรื่องขำขัน ระบายความรู้สึก

และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมรู้สึกจิตตก รู้สึกกดดัน
ผมไม่ได้ถูกใครกดดันนะครับ แต่รู้สึกกดดันตัวเอง


รู้สึกว่าในแต่ล่ะวันมันเหมือนเดิม ไม่ได้มีการพัฒนาอะไรในตัวเอง
รู้สึกเวลามันเร็วมาก ทำอะไรไม่ทันเลย
รู้สึกเคว้ง หวิวๆอยู่ข้างใจใน
รู้สึกว่าบ้างที ที่ที่เราอยู่อาจจะไม่เหมาะกับเรา
รู้สึกว่าคำพูดของคนบ้างคน ที่ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่นมันแย่ขนาดไหน
รู้สึกจิตตก มันเป็นความกังวลที่อยู่ลึกๆมาตลอด
รู้สึกว่าตัวเองไม่มีตัวตน
รู้สึกว่าแต่เองไม่สามารถหลุดออกจากกรอบที่อยู่ในใจของตัวเองได้
และนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมรู้สึกแบบบนี้...

และก็เป็นอีกวันที่ผมอยากจะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยดลบันดาล
... สติปัญญา และความกล้าหาญ ให้ผมหลุดจากความรู้สึกแบบนี้ด้วย ...

ขอบคุณกระดาษแผ่นนี้ที่ทำให้ผมได้ระบายความรู้สึกต่างๆ
แต่ว่าตอนนี้จะตีสี่แล้ว ต้องขอตัวไปนอนก่อน
ขอให้ผมนอนหลับฝันดี แล้วตื่นมาพร้อมกับ สติปัญญา และความกล้าหาญด้วยเทอญ... สาธุ
( เขียนเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 )

...จุดต่ำสุดคือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด...