โอ้ววว... ผ่านมาหลายวันไม่ได้เขียนบทความเลย
เนื่องจากว่าติดภาระกิจต้องไปไซต์งานลูกค้าทั้งอาทิตย์
ต้องตื่นแต่เช้า ต้องกลับห้องดึก เหนื่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
บ้างวันกลับมาถึงห้อง ก็ว่างกระเป๋าแล้วนอน ไม่ได้อาบน้ำเลย... 55
ตื่นมาเหม็นตัวเองมากมาย...
วันนี้ผมได้มีโอกาสเข้าอบรมเกี่ยวกับจิตใต้สำนึก
กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์...
หลังจากที่ตัดสินใจอยู่นานว่าจะเข้าอบรมหรือเปล่า
เพราะลังเลใจว่าศาสตร์ด้านนี้มีจริงหรือไม่
จิตใต้สำนึก...จะสามารถเข้าถึงความรู้สึกที่ผมเก็บไว้ได้หรือเปล่า
เนื่องจากความรู้สึกนึกคิดของผม โดยส่วนตัวแล้ว
ผมเป็นคนที่เก็บกด เก็บความรู้สึก
จนในบ้างครั้งมักจะทำตัวไม่ดี แสดงพฤติกรรมไม่ดีออกมาได้
แต่น้อยคนนักที่จะรับรู้อารมณ์ส่วนนี้ของผมได้
อาจจะเพราะบุคลิกข้างนอกของผมเป็นคนที่ร่าเริง พูดคุยสนุกสนาน
เวลาเริ่มอบรม 9.00 น. ก่อนนอนวางแผนไว้ว่าต้องตื่นหกโมงครึ่ง
อาบน้ำ แปรงฟัน เดินทางไปท่าน้ำนนท์ เพื่อที่จะขึ้นเรือเจ้าพระยา
ไปลงที่ท่าสะพานพุทธ เพราะอบรมอยู่แถวนั้น
แต่ปรากฏว่าตื่นเจ็ดโมงครึ่ง โอ้ยๆๆ แย่ล่ะไปไม่ทันล่ะตรู
ได้แต่วิ่งผ่านน้ำ แต่งตัวแล้วกระโดดขึ้น taxi เพื่อไปท่าน้ำนนท์
ตามคาด สายชัวร์ๆๆๆๆ
ผลคือไปถึงสะพานพุทธ 9.05 น. แต่คุณพระช่วย
ทำไมตรูปวดท้องอย่างนี้ ปวดหนักซะด้วย มาถูกที่ถูกเวลาอีกแล้ว
สายก็สายแล้วนะ ดันมาปวดท้องอึอีก
ได้แต่วิ่งไปหาพี่ที่กวาดถนนอยู่เพื่อหาห้องน้ำ เกือบไม่ทัน
พอเสร็จธุระก็รีบวิ่งแจ่นไปที่โรงแรมที่ทำการอบรม
ไปถึงก็ 9.45 น. ได้
ได้แต่นึกในใจว่า... มาแล้วยังดีกว่ามาช้า มาช้ายังดีกว่าไม่มา...
ก่อนที่จะเข้าในห้องผมคิดในใจว่า ผู้ที่เข้าอบรมด้วยน่าจะมีแต่ผู้สูงอายุที่สนใจ
ผลปรากฏว่าเจอคนหลากหลายอายุมาก เด็ก ม.1 ก็มี โอ้ววววววว
ไม่ใช่มีแต่เราที่สนใจแล้ว
แต่พอได้พูดคุยทำให้ตกใจกว่าเดิมอีก เพราะแต่ล่ะคนมาจากต่างจังหวัดกันทั้งนั้น
พี่อ้อย...มาจากสุราษณ์
พี่เพชร...มาจากนครสวรรณ์
มีคู่แม่ลูก...ที่มาจากต่างจังหวัด
มีพี่หมอดูด้วยนะ... พี่แกก็มาจากทางใต้เลย
ตอนนี้ได้แต่คิดในใจว่า ตรูอยู่แค่นี้กว่าจะมามาได้ คิดแล้วคิดอีก
ยังมีอีกหลายคนที่ผมยังไม่ได้พูดถึงนะครับ
(จริงๆจำชื่อไม่ได้ ที่อยู่ก็ลืม.... นิสัยขี้ลืมแย่จริงๆ)
วันนี้อาจารย์เน้นสอนเรื่อง
จิตวิทยา จิตสำนึก จิตใต้สำนึก และก็เรื่องของหลักของพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้อง
เน้นเลือกเปลี่ยนความคิดเหตุ
เน้นให้ทุกคนเล่าเรื่องที่ตัวเองเคยประทับใจ
เน้นให้ทุกคนเล่าเรื่องที่ตัวเองเคยฝั่งใจ
เน้นสอบถามหาเหตุผลที่เข้ามารับการอบรม
เน้นสอบถามความคาดหวังที่จะได้รับ
และที่สำคัญที่สุดเน้น ปมที่อยู่ในใจของตัวเอง...
พี่อ้อย แว้วแรกที่เหตุ คนนี้ดูสุขุมมาก มารู้ทีหลังว่าแกเป็นนักจิตวิทยา
แกมาเรื่อนเพื่อที่จะเอาศาสตร์จิตใต้สำนึกไปช่วยในการบำบัดคนไข้
พี่เพชร พี่คนนี้ผมที่อยู่ในใจเหมือนผมมาก มากจริงๆนะครับ
เพราะเรื่องที่แกเล่า เรื่องที่แกพูดความรู้สึกเหมือนผมเลย
โตมากับคุณย่า โตมาในครอบครัวที่เคร่งครั่ด และอีกหลายๆเรื่อง
ที่โดนปลูกฝั่งตั้งแต่เด็ก จนทำให้มันเป็นปมที่ปิดกันอะไรบ้างอย่าง
ให้กว้าเดินต่อไปไม่ได้
คู่แม่ลูก คู่นี้เห็นแว้ววววว แรกเป็นคู่แม่ลูกที่รักกันมาก
แต่พอนั่งไปสักพักก็เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากการที่แม่คาดหวัง
อยากให้ลูกเรียนได้ดีกว่านี้ ทำได้ดีกว่านี้ พี่แกจะจัดการบังคับลูกทุกเรื่อง
เรื่องเที่ยว เรื่องดูทีวี เรื่องการทำการบ้าน เรื่องอ่านหนังสือ เรื่องเรียนพิเศษ
(จริงๆแล้วเหมือนเราตอนเด็กเลยนะเนี่ย)
ส่วนตัวลูก อ้อลืมบอกน้องเขาเป็นคนที่มีสมาธิสั่นนะครับ
ตัวน้องเขาเป็นคนที่เรียบร้อยไม่ดื้อไม่ชน
แต่เหมือนสิ่งที่น้องทำมันเป็นการ Anti ในสิ่งที่แม่บังคับ
ทั้งที่ทำไปก็รักแม่นะ
ผมว่าคู่นี้เกิดจากความคาดหวังของแม่อยากให้ลูกขยัน
ส่วนตัวน้องเกิดจากการโหยหาความเข้าใจจากแม่ ว่าผมตั้งใจทำแล้วนะ แต่ได้เท่านี้
พี่หมอดู พี่คนนี้มาเพราะลูกเช่นกัน ลูกแกมีอาการทางจิต
พออาจารย์ได้พูดคุย ทำให้รู้ว่าเกิดจากปัญหาครอบครัว
ทำให้เด็กเก็บกดจนเกิดเป็นอารมณ์ทางจิตขึ้นครับ
พี่คนนี้ส่วนตัวแกก็มีปมนะครับ
เพราะพี่แกอยู่ในเหตุการณ์รถแก๊สระเบิดที่ถนนเพชรบุรี แกอยู่บนตึกชั้นบนๆ
แกมองลงมาแล้วเหตุภาพที่เกิดขึ้น ทำให้แกฝั่งใจ
แกไม่สามารถหุงหาอาหารได้ เห็นถังแก๊สไม่ได้
ถ้าปิดถังแก๊ส แกจะบิดแน่นจนเปิดไม่ออก ได้กลิ่นแก๊สก็ไม่ได้
ผมว่าถ้าเกิดกับผม ผมก็คงทรมานเหมือนกัน
มีพี่อีกคน จำชื่อไม่ได้ พี่คนนี้เป็นคนที่โหยหาความรักจากแม่ครับ
แกคิดว่าแม่ไม่รัก ให้แต่เงินไม่ได้ให้ใจ และก็ติดยาเสพติดด้วยครับ
ยังเลิกไม่ได้ด้วย
ผมว่าสิ่งที่แม่แกทำให้แก ผมว่าแม่พี่เขารักเขามากนะครับ
แต่พี่เขาอัตตราสูงมาก คิดว่าแม่ไม่รักมีแต่เพื่อนที่รักตัวเอง จนเกิดปมในใจครับ
จากการที่ผมได้ฟังปัญหาต่างๆ (ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้เล่านะครับ)
ทำให้ผมรุ้ว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีแต่ผมที่มีปมที่อยู่ในใจ
ยังมีอีกหลายคนที่มี และยังเหมือนกับผมด้วย
วันนี้ผมกลับมาห้องด้วยหัวใจที่พอโตเท่าเดิม (แต่ก่อนแฟ้บอยู่)
เพราะเหมือนได้ไประบายความในใจ
ให้ใครที่เราไม่รู้จักได้ฟัง มันสบายใจ มันเบาตัว
ได้กำลังใจ ได้กัลยาณมิตร ได้ที่ที่ผมยืนได้บนโลกนี้
แล้วก็จบคลาสในวันนี้ เดินทางกลับบ้าน
เพื่อเตรียมตัวมาอบรมต่ออีกวันพรุ่งนี้
เพื่อนๆคนไหนมีปัญหาที่เก็บอยู่ในใจ ไม่สบายใจ
ลองมองหาใครสักคน แล้วเล่าให้เขาฟัง
เชื่อผมสิ... คุณจะรู้สึกดี คุณจะรู้สึกตัวเบา เหมือนผมวันนี้
กำลังใจ....
จ้า สู้ๆ นะ
ตอบลบ